$nartra
พื้นที่เล็กๆ ของโมโมตัวใหญ่ๆ
12 พฤษภาคม, 2558
ย้ายที่อยู่แล้วน้า ไปอ่านกันต่อที่ www.tamemo.com !!
ใครที่ตามอ่านบล๊อกเรามาอาจจะรู้สึกว่าช่วงนี้เราไม่ได้เขียนบทความอะไรใหม่เลย นั่นเป็นเพราะกำลังย้ายบ้าน (บล๊อก) อยู่ โดยที่อยู่ใหม่ก็คือ
ซึ่งตอนนี้ยังเป็นเวอร์ชั่น beta อยู่ กำลังเร่งเก็บรายละเอียด และย้ายบทความในบล๊อกนี้ไปที่โน่นทั้งหมด
ดังนั้นบทความนี้คงเป็นบทความสุดท้ายที่จะเขียนในบล๊อกนี้แล้วล่ะนะ บทความหลังจากนี้จะย้ายไปเขียนต่อในโน้นแทน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมา (เขียนมา 100 บทความกับ 100,000 pageview พอดี)
ป.ล. ส่วนเหตุผลที่ย้ายก็ไม่มีอะไรมาก blogger มันไม่ใช่ระบบของเรา ทำได้อยากมากก็แค่เขียนบทความ เซ็ตค่าหน้าเพจไม่กี่อย่าง แต่นิสัยโปรแกรมเมอร์ ทำไปทำมาก็อยากเขียนโค้ดใส่เองล่ะนะ เลยย้ายไปเปิดของตัวเองดีกว่า ^__^
09 เมษายน, 2558
บันทึก1ปีกับ Mirrorless...เริ่มเล่นกล้องมา365วันแล้วนะ
วันก่อนเขียนบล๊อก บันทึก "เริ่ม" ใช้คอมพิวเตอร์มาครบ 10 ปีแล้วนะ ไป มาวันนี้ก็ครบ 1 ปีที่เริ่มเล่นกล้องมา ดังนั้นก็จัดไปอีกบล๊อกละกัน (ฮา)
- เหตุเกิดเนื่องจากพอทำงานแล้วบริษัทชอบพาไปเที่ยว (เลี้ยงดีๆ) ก็เลยถ่ายรูปบันทึกความทรงจำไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าการถ่ายรูปก็สนุกดีนะ
- แต่ตอนนั้นก็แค่ใช้มือถือถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เท่านั้น ขอบคุณ htc
- สุดท้ายก็มีความคิดที่จะซื้อกล้องขึ้นมา ตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลอะไรทั้งสิ้น เรียกได้ว่าไม่รู้อะไรเลยเพราะปกติใช้แต่กล้องมือถือ ก็เลยต้องหาข้อมูลมากหน่อย แต่สรุปได้ประมาณนี้...
กล้องมือถือ ของแถมจาก Smartphone
ไม่ต้องเสียเงินซื้อหากคุณมีมือถือที่มีกล้องติดมาให้ในตัว แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้ แต่ไม่ใช่กับคนที่เริ่มอยากได้ภาพถ่ายสวยๆ เวลาไปเที่ยวซะแล้ว
กล้อง Compact จิ๋วๆ ระดับพอรับได้
เป็นกล้องเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมแบนๆ เวลาเปิดเครื่องจะมีเลนส์ยาวๆ ขนาดย่อมๆ ยื่นออกมา ที่บ้านก็มีอยู่อันนึ่ง แต่คุณภาพก็ไม่ได้ต่างจากใช้มือถือเท่าไหร่ รุ่นใหญ่ๆ ก็ดีขึ้นนั้นแหละ แต่ไม่เอาดีกว่า
DSLR กล้องใหญ่ดำเมี่ยมของมือโปร
มันคือกล้องใหญ่ที่ช่างถ่ายใช้กัน ไม่ต้องอธิบายมากเนอะ? คุณภาพและการปรับแต่งสุดๆ อยู่แล้ว แต่ไม่ผ่านเกณท์เพราะมัน ใหญ่! ไป
สมัยก่อนมีตัวเลือกแค่ 3 ตัวที่ว่าไปเท่านั้น ทำให้แม้มีความคิดจะถ่ายรูปเล่นนานแล้ว แต่ไม่อยากลงทุน คอมแพ็คก็ไม่ได้ดีกว่ามือถือมากนัก แล้วDSLRก็ใหญ่ไป พวกบริษัทกล้องคนเห็นว่ามีคนคิดแบบนี้หลายคน งั้นออกกล้องที่มันอยู่ตรงกลางระหว่างคอมแพ็คกับDSLR...นั่นคือ
เอาล่ะ กลับเข้าเรื่อง ... เมื่อมี mirrorless ออกมาเลยทำให้เราตัดสินใจละจากมือถือมาใช้กล้องได้ง่ายขึ้น และตัดสินใจซื้อในที่สุด
โดยเลือกของค่าย Sony นะ
- เหตุผลข้อที่หนึ่งคือบอดี้และดีไซน์รูปลักษณ์ของกล้องมันสวยที่สุด และมีสีขาวให้เลือกซื้อ กล้องมิเรอร์เลสของค่ายอื่นอย่าง Cannon, Nikon ที่เป็นค่ายใหญ่ฝั่งDSLRก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือก ส่วน Olympus, Panasonic, Fujitsu พวกนั้นดีไซน์ออกมาเป็นกล้องแบบดั้งเดิมน่าจะเอาใจคนชอบวินเทจได้ แต่ไม่ใช่เรา (ฮา)
- มีคนบอกว่า Sony เลนส์แพงนะ กลัวป่ะๆ ... หึหึ แพงจริงแต่กล้องสวย ยอมๆ
- เท่าที่อ่านรีวิวมา ดูตัวเองเข้ากับค่าย Sony มากที่สุด เพราะเหมือนโซนี่จับตลาดกลุ่มคนจริงจังแต่ไม่จริงจังกับการถ่ายภาพ เอ๊ะ ยังไงนะ (หมายความว่าปุ่มและตัวควบคุมทำออกมาแบบใช้ง่ายสุด แต่อาจจะขัดใจคนชอบกล้องแบบดั้งเดิม)
- เซ็นเซอร์รับภาพของกล้องมิเรอร์เลส Sony ใหญ่เท่ากล้อง DSLR รุ่นเล็กเลย
- เหนือสิ่งอื่นใดคือมันสวยนั่นแหละ 555
- ทฤษฎีการถ่ายภาพ เป็นอะไรที่ make sense แต่ปัญหาคือมันเยอะสำหรับมือใหม่ ทำให้แรกๆ จำไม่ได้เลยว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องตั้งค่ายังไง
- แรกๆ จะถ่ายช้ามาก รูปนึงคิดก่อน1นาทีกว่าจะหาเจอว่าต้องปรับอะไร
- ทริปแรกที่ไปเที่ยว "ถ่ายไม่ทัน" ก็เลยต้องกลับมาใช้โหมด Auto ไปก่อน
- มีวันนึงไปเดินเล่นรอบมหาลัยแล้วฝึกถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เลยด้วย
- กว่าจะเริ่มใช้เป็นก็ประมาณ6เดือนต่อมา ไม่ใช่เป็นช้านะ แต่ไม่ค่อยได้ไปไหนเลย (เป็นคนเที่ยวน้อย แต่ดันอยากถ่ายรูป)
เพราะการถ่ายวิวแบบเรา ส่วนใหญ่จะถ่าย crop รูป ไม่ถ่ายเก็บภาพใหญ่ๆ เต็มๆ มากกว่า
- ค้นพบว่าตัวเองเป็นสายถ่าย Landscape (วิวทิวทัศน์) และ Object (สิ่งของ) ตั้งแต่ก่อนจะซื้อกล้องแล้วไงล่ะ
- ถ้าจะถ่ายคนจริงๆ ส่วนใหญ่จะถ่ายแบบ Candid (คนที่เป็นแบบไม่มองกล้อง ทำท่าเป็นธรรมชาติเพราะไม่รู้ตัว) ด้วยความคิดที่ว่าเราจะถ่าย "ฉาก" คนน่ะเหรอ เป็นตัวประกอบฉากไปซะ! (ฮา)
เริ่มจากไม่ชอบ(โดน)ถ่ายรูป
- ความทรงจำตั้งแต่เด็กคือเป็นคนไม่ชอบ (โดน) ถ่ายรูปประกอบกับสมัยก่อนกล้องฟิล์มมันใช้ยาก ดังนั้นเลยไม่รู้สึกสนใจกล้องถ่ายรูปทุกประเภทจนเมื่อปีสองปีที่แล้วนี่เอง- เหตุเกิดเนื่องจากพอทำงานแล้วบริษัทชอบพาไปเที่ยว (เลี้ยงดีๆ) ก็เลยถ่ายรูปบันทึกความทรงจำไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าการถ่ายรูปก็สนุกดีนะ
- แต่ตอนนั้นก็แค่ใช้มือถือถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เท่านั้น ขอบคุณ htc
- สุดท้ายก็มีความคิดที่จะซื้อกล้องขึ้นมา ตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลอะไรทั้งสิ้น เรียกได้ว่าไม่รู้อะไรเลยเพราะปกติใช้แต่กล้องมือถือ ก็เลยต้องหาข้อมูลมากหน่อย แต่สรุปได้ประมาณนี้...
กล้องมือถือ ของแถมจาก Smartphone
ไม่ต้องเสียเงินซื้อหากคุณมีมือถือที่มีกล้องติดมาให้ในตัว แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้ แต่ไม่ใช่กับคนที่เริ่มอยากได้ภาพถ่ายสวยๆ เวลาไปเที่ยวซะแล้ว
กล้อง Compact จิ๋วๆ ระดับพอรับได้
เป็นกล้องเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมแบนๆ เวลาเปิดเครื่องจะมีเลนส์ยาวๆ ขนาดย่อมๆ ยื่นออกมา ที่บ้านก็มีอยู่อันนึ่ง แต่คุณภาพก็ไม่ได้ต่างจากใช้มือถือเท่าไหร่ รุ่นใหญ่ๆ ก็ดีขึ้นนั้นแหละ แต่ไม่เอาดีกว่า
DSLR กล้องใหญ่ดำเมี่ยมของมือโปร
มันคือกล้องใหญ่ที่ช่างถ่ายใช้กัน ไม่ต้องอธิบายมากเนอะ? คุณภาพและการปรับแต่งสุดๆ อยู่แล้ว แต่ไม่ผ่านเกณท์เพราะมัน ใหญ่! ไป
สมัยก่อนมีตัวเลือกแค่ 3 ตัวที่ว่าไปเท่านั้น ทำให้แม้มีความคิดจะถ่ายรูปเล่นนานแล้ว แต่ไม่อยากลงทุน คอมแพ็คก็ไม่ได้ดีกว่ามือถือมากนัก แล้วDSLRก็ใหญ่ไป พวกบริษัทกล้องคนเห็นว่ามีคนคิดแบบนี้หลายคน งั้นออกกล้องที่มันอยู่ตรงกลางระหว่างคอมแพ็คกับDSLR...นั่นคือ
Mirrorless!
เอาล่ะ กลับเข้าเรื่อง ... เมื่อมี mirrorless ออกมาเลยทำให้เราตัดสินใจละจากมือถือมาใช้กล้องได้ง่ายขึ้น และตัดสินใจซื้อในที่สุด
สำหรับคนที่ต้องการรู้ละเอียดกว่านี้ไปอ่านเรื่องกล้องได้ใน มือใหม่หัดถ่ายรูป - ตอนที่ 1 มารู้จักกล้องดิจิตอลกันเถอะ นะ
โดยเลือกของค่าย Sony นะ
Sony NEX-5T คู่มือที่ใช้มา1ปี ... แน่นอนว่ารูปนี้ใช้ htc ถ่ายให้เพราะมีกล้องอันเดียว |
- เหตุผลข้อที่หนึ่งคือบอดี้และดีไซน์รูปลักษณ์ของกล้องมันสวยที่สุด และมีสีขาวให้เลือกซื้อ กล้องมิเรอร์เลสของค่ายอื่นอย่าง Cannon, Nikon ที่เป็นค่ายใหญ่ฝั่งDSLRก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือก ส่วน Olympus, Panasonic, Fujitsu พวกนั้นดีไซน์ออกมาเป็นกล้องแบบดั้งเดิมน่าจะเอาใจคนชอบวินเทจได้ แต่ไม่ใช่เรา (ฮา)
- มีคนบอกว่า Sony เลนส์แพงนะ กลัวป่ะๆ ... หึหึ แพงจริงแต่กล้องสวย ยอมๆ
- เท่าที่อ่านรีวิวมา ดูตัวเองเข้ากับค่าย Sony มากที่สุด เพราะเหมือนโซนี่จับตลาดกลุ่มคนจริงจังแต่ไม่จริงจังกับการถ่ายภาพ เอ๊ะ ยังไงนะ (หมายความว่าปุ่มและตัวควบคุมทำออกมาแบบใช้ง่ายสุด แต่อาจจะขัดใจคนชอบกล้องแบบดั้งเดิม)
- เซ็นเซอร์รับภาพของกล้องมิเรอร์เลส Sony ใหญ่เท่ากล้อง DSLR รุ่นเล็กเลย
- เหนือสิ่งอื่นใดคือมันสวยนั่นแหละ 555
แล้วเรื่องการใช้งานล่ะ
ตั้งใจไว้ว่าถ้าซื้อกล้องมา แน่นอนเราจะไม่ซื้อคอมแพ็คอยู่แล้ว ต้องเป็นกล้องระดับ(เกือบ)โปร แล้วการจะซื้อกล้อง(เกือบ)โปรมาใช้งานโหมด Auto มันก็ยังไงอยู่ เลยต้องซื้อหนังสือถ่ายภาพมาอ่านกันเลย*หมายเหตุ โหลด Auto ของกล้องระดับนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดี คือมันฉลาดมาก แต่บางครั้งก็ไม่ถูกใจคนถ่าย เรามักจะใช้ Auto กับสถานการณ์ที่มันเร็วจริงๆ ปรับค่ากล้องไม่ทัน ก็ Auto นี่แหละ แกคิดให้หน่อยละกัน ฉันกดชัตเตอร์อย่างเดียว
- ทฤษฎีการถ่ายภาพ เป็นอะไรที่ make sense แต่ปัญหาคือมันเยอะสำหรับมือใหม่ ทำให้แรกๆ จำไม่ได้เลยว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องตั้งค่ายังไง
- แรกๆ จะถ่ายช้ามาก รูปนึงคิดก่อน1นาทีกว่าจะหาเจอว่าต้องปรับอะไร
- ทริปแรกที่ไปเที่ยว "ถ่ายไม่ทัน" ก็เลยต้องกลับมาใช้โหมด Auto ไปก่อน
- มีวันนึงไปเดินเล่นรอบมหาลัยแล้วฝึกถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เลยด้วย
- กว่าจะเริ่มใช้เป็นก็ประมาณ6เดือนต่อมา ไม่ใช่เป็นช้านะ แต่ไม่ค่อยได้ไปไหนเลย (เป็นคนเที่ยวน้อย แต่ดันอยากถ่ายรูป)
เลนส์ ถ้าจะเล่นยังไงก็เสียตังค์เพิ่ม
ขึ้นชื่อว่าเป็นกล้องดิจิตอลชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ ดังนั้นถ่ายไปสักพักมีเรื่องต้องควักเงินแน่นอน โดยชนิดของเลนส์กล้องแบ่งคร่าวๆ เป็น 4 ชนิดคือ เลนส์มุมกว้าง (wide), เลนส์ธรรมดา (normal), เลนส์ถ่ายไกล (tele), เลนส์ถ่ายของเล็กๆ (macro) โดยปกติแล้วเขาว่ากันว่าสายถ่ายวิว ให้ซื้อเลนส์ไวด์มุมกว้างเพราะจะได้เก็บภาพวิวได้เต็มๆ แต่
เราซื้ออันแรกก็เลนส์เทเลถ่ายไกลเลย
เพราะการถ่ายวิวแบบเรา ส่วนใหญ่จะถ่าย crop รูป ไม่ถ่ายเก็บภาพใหญ่ๆ เต็มๆ มากกว่า
ไม่ถ่ายภาพคนนะ!
- อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเป็นคนไม่ชอบโดนถ่ายรูป ก็เลยไม่ค่อยถ่ายรูปคนอื่นไปด้วย ... งั้นซื้อกล้องมานี่ ถ่ายอะไรบ้างล่ะ- ค้นพบว่าตัวเองเป็นสายถ่าย Landscape (วิวทิวทัศน์) และ Object (สิ่งของ) ตั้งแต่ก่อนจะซื้อกล้องแล้วไงล่ะ
- ถ้าจะถ่ายคนจริงๆ ส่วนใหญ่จะถ่ายแบบ Candid (คนที่เป็นแบบไม่มองกล้อง ทำท่าเป็นธรรมชาติเพราะไม่รู้ตัว) ด้วยความคิดที่ว่าเราจะถ่าย "ฉาก" คนน่ะเหรอ เป็นตัวประกอบฉากไปซะ! (ฮา)
25 มีนาคม, 2558
บันทึก "เริ่ม" ใช้คอมพิวเตอร์มาครบ 10 ปีแล้วนะ
ไม่ได้เขียนบล๊อกมาเป็นเดือนแล้ว หายไปนานมาก เพราะตอนนี้กำลังย้ายบล๊อกอยู่! คือจะเลิกใช้ blogger แล้วไปเปิดเซิร์ฟเวอร์เขียนของตัวเองแทน ใครอยากเข้าไปดูก็ได้ที่ TAMEMO.com แต่ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการนะ ยังไม่ต้องเข้าไปก็ได้ แล้วไว้จะมาประกาศอีกทีเร็วๆ นี้
วันก่อนเจอกระทู้ในเว็บเด็กดี อยากรู้มั้ย เมื่อก่อน dek-d writer หน้าตาเป็นไง
Dek-D Writer เป็นเว็บสำหรับอ่านนิยายและลงนิยายที่แต่งเองซึ่งสมัยก่อนยังเรียกว่า Entertain อยู่
ว่าแต่ทำไมถึงเกริ่นบันทึกการใช้คอมพิวเตอร์ด้วยเรื่องนี้น่ะเหรอ เพราะย้อนกลับไปช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนเมื่อ 10 ปีที่แล้วพอดี เจ้านี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเริ่มใช้คอมพิวเตอร์
จับคอมครั้งแรกด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคอมเลย
10 ปีที่แล้วคงไม่มีใครคิดว่าเด็กที่วันๆ เอาแต่ทำอะไรออฟไลน์ไม่เคยคิดจะแตะคอมพิวเตอร์เลยนอกจากทำงานส่งที่โรงเรียนจะกลายมาเป็นคนที่ทำงานสายคอม เป็นโปรแกรมเมอร์แบบทุกวันนี้แล้วถามว่าตอนนั้นเป็นอะไร เป็นหนอนหนังสือจ้า ชอบอ่านหนังสือมาก ทั้งมีสาระและไม่มีสาระ
มีใครรู้บ้างว่าสมัยก่อนอ่านและแต่งนิยายและวาดการ์ตูนเล่มด้วย (ฮา) แต่แต่งลงสมุดนะ ใช้เขียนเอานี่แหละ โลเทคโนโลยีมากๆ ในขณะที่เพื่อนๆ กลับบ้านเปิดคอม เข้าอินเตอร์เน็ต เล่นRO (แร๊กนาร๊อค ออนไลน์) คุยMSN ส่วนเจ้านี่เอาแต่อยู่กับกองหนังสือแบบว่าอย่ามายุ่งกันเลยคอมพิวเตอร์
แต่จุดเปลี่ยนของเรื่องก็คือ สมัยก่อนเวลาพูดถึงนิยายเนี่ย ก็ต้องแต่งไปลงเว็บเด็กดีซึ่งตอนนั้นเป็นเวอร์ชั่นปี2548ซึ่งกำลังดังมากเพราะระบบให้นักเขียนอัพนิยายเองได้เพิ่งทำเสร็จไม่นาน สมัยก่อนใครจะลงนิยายจะต้องส่งเมลไปให้เว็บมาสเตอร์เอาลงให้ ยากเกิ๊น ตอนเราเริ่มเล่นเลยเป็นเวอร์ชั่นที่2 (ปี2547-2548 .. ดูในกระทู้ที่แปะไว้นะ เก่ามาก) แต่ปัญหาคือ
20 กุมภาพันธ์, 2558
งานออกแบบ/สินค้าตัวนี้ห่วยจัง! เพราะคนทำมีฝีมือแค่นี้(จริงเหรอ???)
พอดีไปอ่านข่าว ขอเชิญร่วมวิจารณ์แนวทางการออกแบบ เว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทยโฉมใหม่ และ อดีตหัวหน้าทีมดีไซน์ซัมซุงเผย ทำไมผลิตภัณฑ์ซัมซุงดีไซน์ออกมาห่วย ก็เลยอยากเขียนอะไรไว้หน่อย
ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ตามที่มีการขายสินค้าให้ลูกค้า ซึ่งในที่นี้พูดถึงทั้งเป็น "รูปธรรม (สิ่งของ hardware)" และ "นามธรรม (โปรแกรม เว็บ software)" นั้น สิ่งแรกที่ลูกค้าเห็นหรือเรียกว่าเป็น First Impression ให้เขาประทับใจหรือหรือยี้ในครั้งแรกเลยก็คือ UI - User Interface หรือ งานดีไซน์นั่นเอง
ล่าสุด กสิกรไทยได้ทำการปรับโฉมหน้าเว็บใหม่ ซึ่งก็ออกมาเป็นแบบรูปข้างบนนี่! ถ้าถามว่ามันสวยมั้ย?
คำถามนี้คงต้องย้อนถามก่อนว่า...
ถ้าคุณอยู่ในวงการพัฒนาเว็บไซต์หรือเป็นคนที่เล่นเว็บเปิดแอพประจำคำตอบ 90% น่าจะออกไปทาง "แย่มาก มันห่วยสิ้นดี!!" แต่รู้มั้ยว่าคำถามเดียวกันนี้ แต่ไปถามกับคนอีกกลุ่มหนึ่งคำตอบที่ได้อาจจะแค่ "ทำไมเหรอ ก็สวยดี(มั้ง)"
เอาล่ะ เชื่อว่าคนที่เข้ามาอ่านบล๊อกนี้น่าจะเป็นคนกลุ่มแรกมากกว่าที่เปิดเข้าเว็บไปปุ๊บก็บ่นเลยว่าใครออกแบบมาเนี่ย มันช่าง@#$%&*เหลือเกิน
ป.ล. เราก็ว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ UI สวยดีแต่ UX ไม่ผ่าน -- สำหรับคนที่รู้จัก UI แต่ยังไม่รู้จัก UX ไปอ่านเพิ่มได้ที่นี่ จิ้มเลย!
ป.ป.ล. คนอีกกลุ่มที่ว่าคือกลุ่มที่ไม่ค่อยเล่นคอม/มือถือ หรือเล่นแต่เป็นคนรุ่นผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยสนดีไซน์เท่าไหร่นะครับ ลองถามมาแล้ว คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะบอกว่าเว็บยุคใหม่ดีไซน์เรียบๆ นี่แหละที่มันไม่สวยเพราะมันไม่มีอะไร 555
แต่นี่มันปีอะไรเข้าไปแล้วครับ 2015 ... 2015แล้วท่าน เดี๋ยวนี้เทรนด์เขานิยมเว็บคลีน ของไม่รก อ่านง่ายหาของง่าย และที่สำคัญคือต้อง Responsive เปิดในจอขนาดเท่าไหร่ก็ได้ตั้งแต่หน้าจอคอมไปจนถึง Smartphone พูดง่ายๆ คือดีไซน์ใหม่นี่มันไม่ตอบโจทย์พวกนี้เลย ให้ตายเถอะ! (ยิ่งคุณเห็นมันแล้วหงุดหงิดเท่าไหร่ แสดงว่าคุณมีความเป็น Developer/Power User เท่านั้น เพราะจากที่ไปถามมา End User จริงๆ จะบอกแค่ว่า "ก็สวยดี" เมื่อคุณไปถามเขา)
โอเคมาเข้าเรื่องกันดีกว่า...
(อ้าว แล้วที่เกริ่นมายืดยาวนี่ยังไม่เข้าอีกเหรอ 555 ยัง!)
** สำหรับสายงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและเขียนโปรแกรมหรือITควรจะเข้าไปอ่านข่าวและคอมเมนท์เองด้วยนะ
** ล่าสุดเว็บกสิกรเปลี่ยนกลับเป็นแบบเดิมแล้วล่ะ (ภายใน1วันหลังจากlaunch 20 ก.พ.)
ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ตามที่มีการขายสินค้าให้ลูกค้า ซึ่งในที่นี้พูดถึงทั้งเป็น "รูปธรรม (สิ่งของ hardware)" และ "นามธรรม (โปรแกรม เว็บ software)" นั้น สิ่งแรกที่ลูกค้าเห็นหรือเรียกว่าเป็น First Impression ให้เขาประทับใจหรือหรือยี้ในครั้งแรกเลยก็คือ UI - User Interface หรือ งานดีไซน์นั่นเอง
ล่าสุด กสิกรไทยได้ทำการปรับโฉมหน้าเว็บใหม่ ซึ่งก็ออกมาเป็นแบบรูปข้างบนนี่! ถ้าถามว่ามันสวยมั้ย?
คำถามนี้คงต้องย้อนถามก่อนว่า...
ถามใครล่ะ??
ถ้าคุณอยู่ในวงการพัฒนาเว็บไซต์หรือเป็นคนที่เล่นเว็บเปิดแอพประจำคำตอบ 90% น่าจะออกไปทาง "แย่มาก มันห่วยสิ้นดี!!" แต่รู้มั้ยว่าคำถามเดียวกันนี้ แต่ไปถามกับคนอีกกลุ่มหนึ่งคำตอบที่ได้อาจจะแค่ "ทำไมเหรอ ก็สวยดี(มั้ง)"
เอาล่ะ เชื่อว่าคนที่เข้ามาอ่านบล๊อกนี้น่าจะเป็นคนกลุ่มแรกมากกว่าที่เปิดเข้าเว็บไปปุ๊บก็บ่นเลยว่าใครออกแบบมาเนี่ย มันช่าง@#$%&*เหลือเกิน
ป.ล. เราก็ว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ UI สวยดีแต่ UX ไม่ผ่าน -- สำหรับคนที่รู้จัก UI แต่ยังไม่รู้จัก UX ไปอ่านเพิ่มได้ที่นี่ จิ้มเลย!
ป.ป.ล. คนอีกกลุ่มที่ว่าคือกลุ่มที่ไม่ค่อยเล่นคอม/มือถือ หรือเล่นแต่เป็นคนรุ่นผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยสนดีไซน์เท่าไหร่นะครับ ลองถามมาแล้ว คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะบอกว่าเว็บยุคใหม่ดีไซน์เรียบๆ นี่แหละที่มันไม่สวยเพราะมันไม่มีอะไร 555
แล้วออกแบบเช่นนี้มา มันไม่ดีตรงไหนเหรอ
เท่าที่อ่านคอมเมนท์ของแต่ละเจ้าที่มาวิจารณ์ ส่วนใหญ่จะบอกว่าหน้าเว็บนี้มันคงจะดี ถ้าเป็นยุคปี90s-ช่วงปี2000 ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ถูกจำกัดแค่ 800 x 600 px แล้วการออกแบบเว็บโดยใช้ Flash ทั้งหน้ายังเป็นที่นิยมอยู่แต่นี่มันปีอะไรเข้าไปแล้วครับ 2015 ... 2015แล้วท่าน เดี๋ยวนี้เทรนด์เขานิยมเว็บคลีน ของไม่รก อ่านง่ายหาของง่าย และที่สำคัญคือต้อง Responsive เปิดในจอขนาดเท่าไหร่ก็ได้ตั้งแต่หน้าจอคอมไปจนถึง Smartphone พูดง่ายๆ คือดีไซน์ใหม่นี่มันไม่ตอบโจทย์พวกนี้เลย ให้ตายเถอะ! (ยิ่งคุณเห็นมันแล้วหงุดหงิดเท่าไหร่ แสดงว่าคุณมีความเป็น Developer/Power User เท่านั้น เพราะจากที่ไปถามมา End User จริงๆ จะบอกแค่ว่า "ก็สวยดี" เมื่อคุณไปถามเขา)
โอเคมาเข้าเรื่องกันดีกว่า...
(อ้าว แล้วที่เกริ่นมายืดยาวนี่ยังไม่เข้าอีกเหรอ 555 ยัง!)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)